วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

Dcleanfood.com : รู้จักมะเขือเทศต้นกำเนิดของซอสมะเขือเทศ

วันนี้เราจะมาพูดถึงมะเขือเทศซึ่งนำมาทำเป็นซอสปรุงรสที่ใช้กันมากในชีวิตประจำวันอย่างซอสมะเขือเทศกันนะครับ อย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่าผลมะเขือเทศมีประโยชน์กับร่างกายของเราอย่างสูง ทั้งยังมีรสชาติดี จนมีผู้นำมาทำเป็นซอสมะเขือเทศเพื่อรับประทานกับอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายเมนู แต่หากท่านผู้อ่านต้องการได้รับประโยชน์และสารอาหารจากมะเขือเทศอย่างเต็มที่ก็ควรจะรับประทานมะเขือเทศสดตามหลักการของการรับประทานอาหารคลีน (Clean Food)นะครับ เรามาเรียนรู้ถึง ต้นกำเนิดของมะเขือเทศกันเลยครับ


มะเขือเทศ
มะเขือเทศ หรือชื่อที่เป็นทางการว่า Lycopersicon esculentum เป็นพืชที่มีกำเนิดในป่าของ ประเทศเปรูและเอกวาดอร์ในอเมริกากลาง นักประวัติศาสตร์การเกษตรเชื่อว่า ชาวเม็กซิโกเป็นชนชาติแรกที่รู้จักนำมะเขือเทศมาปลูกในต้นพุทธศตวรรษที่ 21 เมื่อกองทัพล่าอาณานิคมของสเปนได้ทำสงครามชนะชนพื้นเมืองเผ่า Inca, Aztec และ Maya เหล่าทหารได้นำพืชชนิดนี้จากเม็กซิโกไปปลูกในยุโรป จากนั้นพืชที่รู้จักกันในนามว่า แอปเปิลทองบ้าง แอปเปิลเปรูบ้าง หรือแอปเปิล พิศวาสบ้าง ก็ได้แพร่หลายไปทั่วโลก

มะเขือเทศสามารถเจริญงอกงามได้ในดินฟ้าอากาศที่หลากหลายสภาพทั้งในเรือนเพาะชำหรือไร่ ถึงแม้เราสามารถพบเห็นชาวไร่ ปลูกมะเขือเทศในทุกภูมิภาคของโลก แต่รัสเซีย จีน อเมริกา อียิปต์ และอิตาลี คือประเทศที่ปลูกมะเขือเทศมากที่สุด

มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุยืนประมาณ 1 ปี ที่นิยมปลูกเป็นพุ่มซึ่งชาวไร่มักใช้ไม้ค้ำชูลำต้นที่สูงตั้งแต่ 0.7-2 เมตร เมื่อต้น ให้ผลตามที่ต้องการแล้ว เขาจะเด็ดยอดทิ้งเพื่อไม่ให้ต้นเจริญเติบโตอีกต่อไป หากไร่มีต้นอ่อนงอกเสริม ชาวไร่จะถอนมันทิ้งเพื่อไม่ให้ มันแย่งอาหารจากต้นใหญ่ ขณะเจริญเติบโตต้นมะเขือเทศต้องการแสงแดดจัด ใบเป็นใบประกอบที่มีก้านใบ และแกนกลางใบ ดอกเป็น ช่อซึ่งมีดอกตั้งแต่ 3-11 ดอก กลีบสีเหลืองมี 5-6 กลีบ และเกสรตัวผู้ห่อหุ้มเกสรตัวเมีย ดังนั้นมันจึงเป็นพืชที่สามารถผสมพันธุ์ได้ใน ตัวของ มันเองโดยไม่ต้องอาศัยแมลง แต่ก็มีมะเขือเทศบางพันธุ์ที่เกสรตัวเมียยื่นออกมาเหนือเกสรตัวผู้ มะเขือเทศที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ ลักษณะนี้จึง ต้องการแมลงมาช่วยในการผสมพันธุ์ข้ามต้น

เนื้อของมะเขือเทศมีทั้งมีแดงและเหลือง ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5-10 เซนติเมตร ผิวเรียบ และมีน้ำกว่า 90% มีโปรตีนและ ไขมันเล็กน้อย ส่วนคาร์โบไฮเดรตอันได้แก่ glucose และ fructose มีประมาณ 3% และมี carotene วิตามิน B,E และ C เล็กน้อย โดยเฉพาะวิตามิน C มีปริมาณ 17 มิลลิกรัม ในเนื้อมะเขือเทศ 100 กรัม ส่วน carotene ที่ว่านี้คือ lycopene b-carotene ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์มากต่อร่างกายของเรา

วันนี้จบไปแล้วนะครับสำหรับการทำความรู้จักกับมะเขือเทศที่นำมาใช้ทำเป็นซอสมะเขือเทศกันไปแล้วนะครับ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากและเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งมะเขือเทศถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของเมนูอาหารคลีน (Clean Food) หลากหลายเมนูนะครับ และในวันพรุ่งนี้เราจะมาพูดถึงซอสมะเขือเทศกันต่อนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น